เอ็นไอเอผนึกองค์กรชั้นนำร่วมเปิดผลวิจัยอนาคตสุขภาพและสุขภาวะสังคมไทยปี 2576 ฉายสัญญาณสำคัญเพื่อสร้างนวัตกรรมและการรับมือในระยะ 10 ปี
เมื่อ : 05 เม.ย. 2567


กรุงเทพฯ 4 เมษายน 2567 – สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับกรมสุขภาพจิต สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ โดย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (FutureTales LAB by MQDC) เปิดผลการวิจัย “อนาคตสุขภาพและสุขภาวะสังคมไทย พ.ศ. 2576 (Futures of Health and Wellness in Thailand 2033)” เพื่อนำเสนอองค์ความรู้ด้านสุขภาพและสุขภาวะในประเด็นปัญหาสำคัญ สัญญาณการเปลี่ยนแปลงภาพอนาคตและข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพและสุขภาวะของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการสร้างความตระหนักรู้เรื่องสุขภาพและสุขภาวะ ส่งเสริมการพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า “สุขภาพและสุขภาวะเป็นประเด็นสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ NIA ในฐานะ “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม” จึงให้การส่งเสริมนวัตกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการคาดการณ์ภาพอนาคตของสุขภาพและสุขภาวะสังคมไทย
โดยล่าสุดได้ร่วมกับพันธมิตรคาดการณ์อนาคตเพื่อสะท้อนประเด็นการขับเคลื่อนที่สร้างผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงต่อระบบสุขภาพและสุขภาวะในสังคมไทย ใน 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1) การสร้างการตื่นรู้ด้านสุขภาพให้กับสังคมไทย
2) การพัฒนาระบบสาธารณสุขเชิงรุกอย่างเข้มแข็ง
3) การเตรียมความพร้อมเพื่อตอบสนองต่อวิกฤติการณ์สาธารณสุข
4) การลงทุนในความก้าวหน้าด้านการดูแลสุขภาพ
5) การส่งเสริมให้เกิดการออกแบบพื้นที่เพื่อสุขภาพและสุขภาวะ และ
6) การส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบจำเพาะรายบุคคล ซึ่งนวัตกรรมจะเข้ามามีส่วนช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนประเด็นเหล่านี้เป็นอย่างมาก และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับระบบสุขภาพและสุขภาวะของสังคมไทยให้มีความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้
ซึ่งงานวิจัยที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นชุดข้อมูลและองค์ความรู้สำคัญสำหรับกำหนดแนวทางเพื่อการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพและสุขภาวะได้เป็นอย่างดี และช่วยสะท้อนภาพอนาคตของการพัฒนาระบบสุขภาพของสังคมไทยให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต”
นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า “ปัจจุบันประเทศไทยให้ความสำคัญกับปัญหา สุขภาพจิตและความเจ็บป่วยทางจิตเวช ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากหลากหลายปัจจัย โดยข้อมูลจากคลังข้อมูลทางการแพทย์และสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข รายงานถึงความเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้ป่วยที่มารับบริการด้านจิตเวชว่ามีจำนวนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2558 ที่มีจำนวน 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 2.4 ล้านคนในปี 2565 อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้คนไทยมีสุขภาวะทางกายและใจที่สมบูรณ์ นั่นหมายถึงจำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือมีอาการเจ็บป่วยต้องลดลง ในขณะที่ผู้ที่เจ็บป่วยก็สามารถรู้เท่าทันสัญญาณเตือนต่างๆ ด้วยตนเองและเข้าถึงระบบการรักษาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แต่นโยบายที่จะทำให้การดูแลสมบูรณ์ทั้งกายและใจแบบองค์รวมจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้มุ่งเน้นที่การส่งเสริมและการดูแลตั้งแต่ต้นเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพกายและใจตั้งแต่ระดับบุคคลและครอบครัวก่อนจะนำไปสู่สังคมและชุมชน”
ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กล่าวว่า “การทำให้ประเทศเห็นทิศทางการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของการทำธุรกรรมทางออนไลน์รวมถึงชีวิตดิจิทัลผ่านการจัดทำฉากทัศน์ภาพอนาคต (Foresight) เป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของ ETDA โดยศูนย์คาดการณ์อนาคต (ETDA Foresight Center) ได้ดำเนินงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งภาครัฐ เอกชน มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศได้เห็นถึงภาพความเปลี่ยนแปลงและนำมาสู่การกำหนดยุทธศาสตร์ - นโยบายการขับเคลื่อนประเทศในด้านที่เกี่ยวข้อง โดยพบ 2 ประเด็นที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) Turning Data Privacy Principles into Action การส่งต่อข้อมูลด้านสุขภาพส่วนบุคคลจะเป็นไปโดยไร้รอยต่อ สถานพยาบาลสามารถเชื่อมต่อและส่งต่อข้อมูลเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว และ 2) Seamless Integration of AI บูรณาการประยุกต์ใช้ AI ทางการแพทย์จะกลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่ถูกพัฒนาจนเกิดเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ขั้นสูง ดังนั้น จึงต้องเร่งผลักดันการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและธรรมาภิบาลภายใต้แนวปฏิบัติในการใช้งานที่เหมาะสมกับระบบสาธารณสุขของประเทศ รวมถึงการผลักดันให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นรูปธรรม เกิดการสร้างมาตรฐานของข้อมูลด้านสุขภาพที่มีการเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้กระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) ที่เข้ามาช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความลอดภัยของบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต”
ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่อนาคตศาสตร์และสินทรัพย์ดิจิทัล ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ โดย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (FutureTales LAB by MQDC) กล่าวว่า “คณะผู้วิจัยได้บูรณาการแนวคิดนิเวศวิทยา พฤติกรรมทางสุขภาพ และแนวคิดเชิงระบบนิเวศด้านสุขภาพและสุขภาวะ
เพื่อสร้างกรอบแนวคิดการวิจัยในการกำหนดแนวทางการศึกษาและพัฒนาภาพอนาคตที่มีโอกาสเกิดขึ้น 5 รูปแบบ ได้แก่ 1) สิ้นแสงสาธารณสุข (Dusk of Healthcare) ระบบสุขภาพเปราะบางย่ำแย่ ขาดแคลนทรัพยากร ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพได้ เกิดช่องว่างของความต้องการดูแลสุขภาพขนาดใหญ่ 2) ระบบสุขภาพทั่วหล้า (Public Health Meridian) ซึ่งภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภัยพิบัติและภัยคุกคามด้านสาธารณสุข รวมถึงส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและเสมอภาค 3) ค่ำคืนการแพทย์ขั้นสูง (MedTech Twilight) ที่จะช่วยยกระดับการบริการสุขภาพให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีความจำเพาะต่อผู้รับบริการแต่ละบุคคล แต่ประเด็นความเหลื่อมล้ำ ความปลอดภัยของข้อมูลและจริยธรรมจะกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญ 4) รุ่งอรุณสุขภาวะ (Dawn of Wellness) ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน การออกแบบพัฒนาเมืองเพื่อให้เกิดเมืองแห่งสุขภาวะ และสร้างโอกาสการเติบโตของผลิตภัณฑ์และบริการ และ 5) สุขภาพสุขสมบูรณ์ (Zenith of Self-Care) เกิดการกระจายศูนย์กลางระบบสุขภาพโดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถานบริการสุขภาพและสุขภาวะที่ขับเคลื่อนร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เน้นบริการที่สะดวกสบาย ยืดหยุ่น และตอบสนองความต้องการแต่ละบุคคล จากการวิเคราะห์ภาพอนาคตทั้งหมด ศูนย์ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บและพันธมิตรตระหนักถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนการทำงานของทุกภาคส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพอนาคตที่เลวร้ายเกิดขึ้น โดยจะส่งเสริมการพัฒนาเมืองและอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาวะที่ดีต่อทุกสิ่งมีชีวิต ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดงานวิจัยได้ที่ https://www.nia.or.th/bookshelf/view/253”
#####