ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ แลนด์มาร์กความบันเทิงที่จุคนได้กว่า 2000 คน ชูแนวคิดลดขยะเป็นศูนย์ มุ่งสู่อนาคตสีเขียวของทุกคน
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 18 กรกฎาคม 2567 – ปัจจุบันเรื่องของความยั่งยืน ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ธุรกิจจำเป็นจะต้องให้ความใส่ใจ เพื่อช่วยกันแก้และชะลอปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เรากำลังเผชิญในขณะนี้ ซึ่งประเด็นเรื่องความยั่งยืนนี้นับเป็นสิ่งที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ ทำให้มีการวางแผนเพื่อสร้างระบบการดำเนินงาน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบ และวางแผนเปิดตัว โดยมีโครงการสำคัญได้แก่ ‘กรีน ทาร์เก็ต’ (Green Target) ซึ่งประกอบไปด้วยหัวใจสำคัญ 5 ประการ อันได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ทรัพยากร ชุมชน บุคลากร และ การจัดซื้อจัดจ้าง
ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ถือเป็นแลนด์มาร์กสำหรับคนรักกีฬาและความบันเทิงแบบครบวงจร ขนาดใหญ่ที่รองรับคนได้ถึง 2000 คน ในการจัดงานเพียงครั้งเดียว โดยในแต่ละเบย์มีที่นั่งสะดวกสบาย รองรับผู้เล่นได้สูงสุดถึง 6 คน พรั่งพร้อมด้วยเกม อาหารรสเลิศ และความสนุกเต็มอิ่มสำหรับทุกคน ไปพร้อมๆ กันกับการใส่ใจด้านความยั่งยืน เนื่องจากท็อปกอล์ฟ เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นได้ จากการจัดงานและรับรองคนจำนวนมากในแต่ละวัน
โดยเฉพาะด้าน ‘Food waste’ หรือ ‘ขยะจากอาหาร’ ซึ่งทางท็อปกอล์ฟได้วางระบบจัดการขยะที่มีความครอบคลุม อันรวมไปถึงเป้าหมายการลดขยะเป็นศูนย์ อีกทั้งยังเป็นการตั้งมาตรฐานใหม่ด้านความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมอาหารและความบันเทิงอีกด้วย นอกเหนือจากด้านการลดขยะ ท็อปกอล์ฟยังให้ความสำคัญกับโครงการริเริ่มอื่นๆ อาทิ พลังงานหมุนเวียน และการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการลงทุนและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานที่ไม่หมุนเวียน และมุ่งมั่นส่งเสริมความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคม โดยการทำกิจกรรมในชุมชนใกล้เคียง อาทิ การสนับสนุนโครงการท้องถิ่น
ด้านอาหารและเครื่องดื่ม
ความยั่งยืนเริ่มต้นได้ที่มื้ออาหารแสนอร่อย
หัวใจสำคัญของการส่งเสริมความยั่งยืนที่ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ สะท้อนออกมาจากความตั้งใจปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม โดยให้ความใส่ใจตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบออร์แกนิก และวัตถุดิบจากท้องถิ่น เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกจานที่เสิร์ฟ ล้วนส่งผลดีด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม ซึ่งที่ท็อปกอล์ฟ มีการจำหน่ายเมนู ที่อุดมด้วยผักนานาชนิด ถึง 26.5% ของการจำหน่ายอาหารทั้งหมดในปี 2566 และตั้งเป้าที่จะขยับยอดดังกล่าวเป็น 30% ภายในปี 2567 นี้ เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญของอาหารที่ทำจากพืชนั้น มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงยังส่งเสริมความยั่งยืนภายในอุตสาหกรรมอาหาร โดยการเปิดตัวเบอร์เกอร์มังสวิรัติ กระเพรา Plant-based พิซซ่าทรัฟเฟิลไวท์ชีส รวมถึงอาหารมังสวิรัติแบบอินเดีย และ คาลิ-เม็กซ์ (Cali-Mex) ที่ปรุงขึ้นโดยใช้วัตถุดิบทางเลือกจากพืชในท้องถิ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในความเป็นเลิศด้านการทำอาหารและการดูแลสิ่งแวดล้อมของท็อปกอล์ฟ ได้เป็นอย่างดี
ความร่วมมือเพื่อสร้างอนาคตสีเขียวของทุกคน
ท็อปกอล์ฟภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ อย่าง Sloane’s ในการจัดหาเนื้อหมูจากฟาร์มที่ยึดหลักจริยธรรม และเนื้อวากิวไทยจากท้องถิ่น ช็อกโกแลตแฟร์เทรดของไทยจาก PRIDI Cacaofevier ผลิตภัณฑ์นมท้องถิ่นจาก Homemade Cheese Co มะเขือเทศโทมัสออร์แกนิกจาก Vision9 Farm เมล็ดกาแฟที่ปลูกในไทยและคั่วในกรุงเทพจาก Karo Coffee Roaster ข้าวที่ผ่านการรับรองออร์แกนิกและพันธุ์ข้าวมรดกไทย รวมไปถึงปลาที่จับจากธรรมชาติของชุมชนเกษตรกรรายย่อยจาก Pla Organics โดยในปี 2567 ท็อปกอล์ฟ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มการจัดหาวัตถุออร์แกนิกจากท้องถิ่น จากซัพพลายเออร์ในพื้นที่และซัพพลายเออร์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมเป็น 12 ราย เพื่อส่งเสริมเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่เพิ่มมากขึ้น
นับตั้งแต่วัตถุดิบไปถึงจานที่เลือกใช้
ในการรังสรรค์ชีสเบอร์เกอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของท็อปกอล์ฟ ตั้งแต่ขนมปังไปจนถึงจาน แต่ละส่วนล้วนได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเน้นย้ำถึงความตั้งใจในการส่งเสริมความยั่งยืนและการส่งเสริมความร่วมมือในท้องถิ่น ตัวขนมปังบริออชที่อบสดใหม่ วางด้วยไส้เบอร์เกอร์เนื้อวากิวไทย ซึ่งผ่านการคัดสรรตามมาตรฐานจริยธรรมจากท้องถิ่น โปะด้วยมะเขือเทศโทมัสออร์แกนิกที่สุกกำลังดีจากสวนออร์แกนิกของท็อปกอล์ฟ แม้แต่จานที่เสิร์ฟ ก็ออกแบบและทำขึ้นมาพิเศษจากการใช้ผงถ่าน มาผสมกับแกลบอินทรีย์ และเมลามีนเพื่อเสริมความแข็งแรง เพียงแค่เมนูชีสเบอร์เกอร์นี้ ก็ช่วยให้เราเห็นถึงความใส่ใจและแนวทางของท็อปกอล์ฟในการผสานความยั่งยืนเข้ากับทุกๆ กิจกรรมอย่างการทำเมนูที่ทั้งอร่อย และยังส่งเสริมคว่ามเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้านทรัพยากร
การออกแบบจานชามที่คำนึงถึงความยั่งยืน
ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ด้านความยั่งยืนจากนวัตกรรมด้านจานชาม โดยใช้จานที่สร้างขึ้นจากเทคนิคเฉพาะ ที่ไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังทนทาน โดยทำมาจากการเลือกใช้เมลามีนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และลดการแตกหักเพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างยาวนาน เมื่อเทียบกับจานเซรามิกหรือแก้วแบบดั้งเดิม นอกเหนือจากความคงทน ท็อปกอล์ฟยังเลือกใส่ผงถ่านและแกลบอินทรีย์ 15% ลงในเมลามีน ซึ่งไม่เพียงเป็นการลดการใช้พลาสติกเท่านั้น แต่ยังสามารถนำขยะทางการเกษตรที่ต้องถูกทิ้งกลับมาใช้ใหม่ โดยร่วมมือกับ Raitong Organics ในการจัดหาแกลบ ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนการปลูกข้าวที่ยั่งยืนในประเทศไทย ซึ่งจานเหล่านี้เข้ากันได้อย่างลงตัวกับอาหารของท็อปกอล์ฟ โดยเสิร์ฟพร้อมกับข้าวออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองจาก Raitong Organics เช่นเดียวกัน เพื่อมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยั่งยืนอย่างสมบูรณ์แบบให้กับทุกคน
แนวทางลดขยะเป็นศูนย์ของท็อปกอล์ฟ
สานต่อวิสัยทัศน์ ‘Zero Waste In - Zero Waste Out’ ท็อปกอล์ฟยึดถือแนวคิดขยะเป็นศูนย์ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด ผ่านการแยก การจัดการ และการร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดการขยะเหล่านั้นอย่างถูกวิธี และมีประสิทธิภาพ ทำให้ท็อปกอล์ฟ สามารถลดการส่งขยะไปยังหลุมฝังกลบไปได้แล้วถึง 64.8 ตัน ซึ่งนับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอุตสาหกรรมอาหารและความบันเทิงได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2566 เพียงปีเดียว ท็อปกอล์ฟ ได้เปลี่ยนขยะเปียกเป็นอาหารสัตว์จำนวน 41 ตัน นำไปหมักเป็นปุ๋ย 15 ตัน รีไซเคิลได้ 8.8 ตัน และนำขยะ 10 ตันกลับมาใช้ใหม่ผ่านโครงการริเริ่มเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงาน นอกจากนี้ท็อปกอล์ฟยังสามารถลดขยะจากอาหารเฉลี่ยจากลูกค้าต่อคนเหลือเพียง 327 กรัม และเพื่อรักษามาตรฐาน ท็อปกอล์ฟยังได้ดำเนินการตรวจสอบการจัดการขยะไปแล้วกว่า 957 ครั้ง อีกทั้ง ได้ร่วมมือกับ SOS ประเทศไทย ในการมอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการจำนวน 7600 มื้อให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออีกด้วย
ไม่สร้างขยะพลาสติก
ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ มุ่งมั่นที่จะกำจัดขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ด้วยการไม่ใช่สิ่งที่จะก่อให้เกิดขยะพลาสติกตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าสู่การดำเนินงาน ยกตัวอย่างเช่น น้ำเปล่าของท็อปกอล์ฟมาจากระบบกรองน้ำแร่ของ Nordaq ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการใช้ขวดพลาสติกหรือขวดแก้ว นอกจากนี้ เครื่องดื่มน้ำอัดลมยังผสมกันสดๆ โดยใช้เครื่อง Post-Mix เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กระป๋องและขวดน้ำอัดลม นอกจากนี้ท็อปกอล์ฟยังวางระบบเบียร์สดแบบ 34 ก๊อก ซึ่งจะช่วยลดขยะจากขวดและกระป๋องเบียร์แบบปกติได้อย่างมาก และทำให้ในปี 2566 ท็อปกอล์ฟสามารถลดขยะจากเบียร์ขวดใหญ่ได้ถึง 65000 ขวด ขวดน้ำ 6000 ขวด และน้ำอัดลมขวดลิตรจำนวนถึง 1400 ขวดเลยทีเดียว
โซลูชั่นการทำความสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ท็อปกอล์ฟ เลือกวางระบบการดำเนินงานที่มีการใช้สารเคมีต่ำ เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีต่อลูกค้าและพนักงาน โดยการใช้ระบบโอโซน (Aqueous Ozone) และสารทำความสะอาดที่ใช้สารเคมีต่ำ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดสารตกค้างที่เป็นอันตรายแล้ว ยังลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ของสารเคมี ซึ่งความตั้งใจนี้เป็นมากกว่าเรื่องของการคำนึงด้านความสะอาด แต่ยังเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้ปิโตรเคมี ลดการพึ่งพาสารเคมีจากน้ำมัน และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงอย่างมาก
การอนุรักษ์น้ำ
ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ยังให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์น้ำ โดยใช้ระบบน้ำรีไซเคิล เพื่อลดการพึ่งพาน้ำจากเทศบาลในการดูแลสวน ส่งผลให้สามารถประหยัดน้ำได้ถึง 3739 ลูกบาศก์เมตร เมื่อปีที่แล้ว เพียงปีเดียว
การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืน
ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ไม่เพียงแต่เน้นการจัดการด้านอาหารอย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญด้านพลังงานหมุนเวียน โดยท็อปกอล์ฟมีการวางระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ล้ำสมัย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4500 ตารางเมตร สร้างเป็นพลังงานสะอาดได้ถึง 991810 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ในปี 2566 เพียงปีเดียว ซึ่งสามารถทดแทนการใช้พลังงานของท็อปกอล์ฟได้ถึง 31% เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 822 ต้น หรือการลดการใช้ถ่านหินได้ถึง 506.37 ตัน โดยท็อปกอล์ฟ ตั้งเป้าเพิ่มการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ให้ครอบคลุม 35% ของการใช้พลังงานทั้งหมดต่อปีภายในปี 2567 เพื่อปูทางไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น
การส่งเสริมชุมชน การจัดซื้อจัดจ้าง และบุคลากร
นอกเหนือจากโครงการที่ส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ยังมุ่งมั่นส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจ และสานสัมพันธ์ที่เข้มแข็งในชุมชน ผ่านโครงการต่างๆ และการบริจาคอาหาร โดยให้ความสำคัญกับห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน ที่สนับสนุนหลักปฏิบัติด้านจริยธรรม การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมศรษฐกิจในท้องถิ่น อย่างการรับไข่ออร์แกนิก และอาหารทะเลจากแหล่งที่ยั่งยืนในพื้นที่ นอกจากนี้ท็อปกอล์ฟยังแต่งตั้ง คณะกรรมการความยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยพนักงานและผู้บริหารระดับสูง เพื่อทำหน้าที่เป็นฮีโร่แห่งการเปลี่ยนแปลง ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกภายในองค์กรและชุมชน โดยเฉพาะด้านการจัดการขยะ การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การมีส่วนร่วมในชุมชน การส่งเสริมความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก รวมถึงด้านอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งฮีโร่เหล่านี้นับเป็นการรวมตัวกันของทีมงานของท็อปกอล์ฟ ซึ่งสะท้อนการเป็นแบบอย่างที่ดี ในฐานะนายจ้างที่เอาใจใส่ เพื่อนบ้านที่เป็นมิตร และพลเมืองที่มีความรับผิดชอบ
การส่งเสริมชุมชน การจัดซื้อจัดจ้าง และบุคลากร
นอกเหนือจากโครงการที่ส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ยังมุ่งมั่นส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจ และสานสัมพันธ์ที่เข้มแข็งในชุมชน ผ่านโครงการต่างๆ และการบริจาคอาหาร โดยให้ความสำคัญกับห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน ที่สนับสนุนหลักปฏิบัติด้านจริยธรรม การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมศรษฐกิจในท้องถิ่น อย่างการรับไข่ออร์แกนิก และอาหารทะเลจากแหล่งที่ยั่งยืนในพื้นที่ นอกจากนี้ท็อปกอล์ฟยังแต่งตั้ง คณะกรรมการความยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยพนักงานและผู้บริหารระดับสูง เพื่อทำหน้าที่เป็นฮีโร่แห่งการเปลี่ยนแปลง ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกภายในองค์กรและชุมชน โดยเฉพาะด้านการจัดการขยะ การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การมีส่วนร่วมในชุมชน การส่งเสริมความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก รวมถึงด้านอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งฮีโร่เหล่านี้นับเป็นการรวมตัวกันของทีมงานของท็อปกอล์ฟ ซึ่งสะท้อนการเป็นแบบอย่างที่ดี ในฐานะนายจ้างที่เอาใจใส่ เพื่อนบ้านที่เป็นมิตร และพลเมืองที่มีความรับผิดชอบ
“ที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ เราไม่ได้ประเมินความยั่งยืนจากการรับรางวัลเพียงเท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมๆ กับการมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้ลูกค้าของเรา” คุณทิม โบดา กรรมการผู้จัดการ ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย กล่าว "เราเชื่อว่าการผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับทุกสิ่งที่เราทำ จะสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมอาหารและความบันเทิง รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน มาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กับเราได้"
#####