อว. - บพข. จัดงาน “PMUC CONNECT ครั้งที่ 2” เชื่อมเครือข่ายวิจัย ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการแพทย์ไทย

กระทรวง อว. โดย บพข. จัดงาน PMUC CONNECT ครั้งที่ 2 หวังสร้างความร่วมมือ เผยแพร่บทบาทและมาตรการสนับสนุนเพื่อยกระดับและสร้างความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการแพทย์ไทย เผย 5 ปีที่ผ่านมาสนับสนุนทุนวิจัยในแผนงานสุขภาพและการแพทย์ ไปแล้ว 193 โครงการ รวม 1700 ล้านบาท สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการขายผลิตภัณฑ์แล้ว 2000 ล้านบาท

รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการ บพข. กล่าวว่า บพข. ในฐานะหน่วยงานภายใต้กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำหน้าที่พิจารณาสนับสนุนทุนแก่โครงการวิจัยที่มีความพร้อมทางเทคโนโลยี ในระดับ TRL 4-7 และมุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ด้วยการสนับสนุนและพัฒนาโครงการวิจัยไปสู่การผลิตใช้จริงได้ในเชิงพาณิชย์ในประเทศและในตลาดโลก ทั้งนี้ บพข. ให้ความสำคัญกับการ ทำงานร่วมกันกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน ทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณภาพ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ศ.ดร.ศันสนีย์ ไชยโรจน์ ที่ปรึกษาแผนงานกลุ่มสุขภาพและการแพทย์ บพข. กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของอุตสาหกรรมการแพทย์ไทย คือ การศึกษาของประเทศที่ไม่รองรับอุตสาหกรรมการแพทย์ ทำให้ผู้ที่เข้ามาในอุตสาหกรรม จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และช่วยเหลือตนเอง และนำประสบการณ์ไปให้คำปรึกษาคนอื่นต่อไป ขณะที่เรื่องของ Valley of Death หรือหุบเขาแห่งความตาย เป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมทางการแพทย์ เพราะมีถึง 2 ช่วง คือช่วงการพัฒนาเทคโนโลยี (Technology Valley of Death) และช่วงการผลิตเชิงพาณิชย์(Commercial Valley of Death) ซึ่งต่างจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จะมีช่วงการก้าวข้ามไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์เพียงช่วงเดียว

ขณะที่ รศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการขับเคลื่อนงานวิจัยทางด้านสุขภาพและการแพทย์ของ บพข.ในมุมของการขอรับรองมาตรฐาน ซึ่งสรุปได้ว่าการจะออกสู่เชิงพาณิชย์ได้นั้นจำเป็นต้องมีมาตรฐาน และควรเป็นระดับสากล ซึ่งปัญหาสำคัญเรื่องการขอรับรองมาตรฐานของอุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ไทย คือ นักวิจัยไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการที่ถูกต้อง ครบถ้วน และยังขาดแคลนที่ปรึกษาในประเทศไทยที่มีความเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าว
นอกจากนี้ในงาน PMUC CONNECT ครั้งที่ 2 ได้มีนำเสนอประสบการณ์ในการขอรับทุนจากบพข.เพื่อพัฒนาและยกระดับงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ จากนักวิจัยที่มีผลงานเด่นในด้านต่างๆ อาทิ รศ.ดร.บุญรัตน์ โล่วงศ์วัฒน์ จาก บริษัท เมติคูลี่ จำกัด ซึ่งทำการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการซ่อมแซมกระดูกบนใบหน้าคนไข้ด้วยกระบวนการออกแบบการวางแผนการผ่าตัดแบบดิจิทัลและการผลิตเครื่องมือแพทย์เพื่อเสริมสร้างโครงหน้าคนไข้ด้วยไทเทเนียมจากการพิมพ์สามมิติเพื่อการส่งออก ผศ.ดร.เชษฐา พันธ์เครือบุตร จาก บริษัท ออส ทรีโอ จำกัด ที่พัฒนาโครงการต่อยอดการแพทย์ครบวงจรที่จุดการรักษา ด้วยกระบวนการออกแบบการวางแผนการผ่าตัดแบบดิจิทัลและการผลิตเครื่องมือแพทย์เฉพาะบุคคลด้วยไทเทเนียมจากการพิมพ์สามมิติที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ ศ.ดร.นพ.สุรศักดิ์ สังขทัต ณ อยุธยา จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่พัฒนาโครงการต้นแบบแบบห้องปฏิบัติการมาตรฐานเพื่อการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในภาคใต้ของประเทศไทย และ รศ.ดร.ณฐินี จินาวัฒน์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ที่พัฒนาโปรแกรมทดสอบความชำนาญ สำหรับตัวอย่างทางชีวภาพมนุษย์ โดยเครือข่ายความร่วมมือธนาคารชีวภาพสำหรับโรคมะเร็งในประเทศไทย
รวมถึงการนำเสนอ “Journey to impact.. Herbal and Cosmeceuticals product from lab to market” จาก บริษัท แนบโซลูท จำกัด เจ้าของเทคโนโลยี HyaSphereX (ชื่อเดิม Hy-N) ซึ่งเป็นนวัตกรรมไบโอพอลิเมอร์ ระบบนำส่งสารสำคัญรูปแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเวชสำอาง ยาและวัคซีน ปัจจุบันสามารถผลิตเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ ศ.ดร.กรกนก อิงคนินันฺท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวถึงเส้นทางการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร พรมมิพลัส และ รศ.ดร.ภก.เนติ วระนุช หัวหน้าศูนย์วิจัยเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวถึงการพัฒนาอนุภาคไคโตซานไมโครพาร์ติเคิลสำหรับกักเก็บสารสกัดน้ำสมุนไพรตรีผลาเพื่อใช้ประโยชน์ทางเวชสำอางและการทดสอบประสิทธิภาพของอนุภาคไมโครพาร์ติเคิลสารสกัดสมุนไพรตรีผลาในผลิตภัณฑ์เวชสำอางต้นแบบทางคลินิก
####