รายงาน Future Health Index 2022 เผยวงการเฮลท์แคร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กำลังเผชิญกับปัญหาด้านการจัดการข้อมูลและบุคลากร ถึงแม้ว่าเทรนด์ด้านการจัดการข้อมูล การใช้เทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้าของผู้ป่วยจะเติบโตมากในภูมิภาคก็ตาม

- ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ให้ความสำคัญด้านข้อมูลสารสนเทศมากที่สุดในโลก โดยมีค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 82 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกที่ร้อยละ 65
- คาดการณ์ว่าการลงทุนในด้านเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า (Predictive Analytics) จะเพิ่มขึ้นภายใน 3 ปีต่อจากนี้ สำหรับการใช้งานทางการแพทย์
- กว่าร้อยละ 80 ของผู้บริหารและบุคลากรแถวหน้าในวงการเฮลท์แคร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เห็นว่าการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า (Predictive Analytics) นั้นมีผลเชิงบวกต่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพ ประสบการณ์ของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และลดความไม่เท่าเทียมด้านสาธารณสุข
- ความท้าทายยังคงมีอยู่ เมื่อกว่าร้อยละ 70 เห็นว่าปัญหา Data Silo หรือการจัดการและนำข้อมูลไปใช้ยังไม่มีประสิทธิภาพ และประมาณ 1 ใน 3 เห็นว่าความพึงพอใจและการรักษาบุคลากรทางการแพทย์ไว้ เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ ทั้งในปัจจุบันและในอีก 3 ปีข้างหน้า
- ประเทศไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ในแวดวงสาธารณสุข โดยถูกนำเสนอผ่านนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13 ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าพัฒนา
สถานบริการด้านสาธารณสุขทั้งหมดในประเทศไทยให้เป็น Smart Hospital จากรายงานล่าสุด มากกว่าร้อยละ 45 ของหน่วยให้บริการทางการสาธารณสุขได้ถูกพัฒนาเป็น Smart Hospital แล้วในไตรมาสที่ 4 ปีพ.ศ. 2564 [1]
กรุงเทพมหานคร- รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก ได้เผยถึงผลสำรวจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) จากรายงาน Future Health Index (FHI) ประจำปี 2022 ในหัวข้อ “‘Healthcare hits reset: Priorities shift as healthcare leaders navigate a changed world’ ” สำหรับรายงานผลการสำรวจ Future Health Index 2022 นี้เป็นการจัดทำรายงานเป็นปีที่ 7 โดยฟิลิปส์ ซึ่งในรายงานประจำปี 2022 นี้ มีผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 3,000 คน จาก 15 ประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย ฯลฯ เพื่อสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารและบุคลากรแถวหน้าในวงการเฮลท์แคร์เกี่ยวกับการจัดการและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลสารสนเทศ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นหลังจากเจอกับการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของ
โควิด-19

จากผลสำรวจในปีนี้เผยให้เห็นว่า หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ความสำคัญกับด้านข้อมูลสารสนเทศ (Data) และเทคโนโลยีในการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า (Predictive Analytics) เพื่อเป็นรากฐานสำคัญของระบบสาธารณสุขในอนาคต และยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่สำคัญต่อการวางรากฐานนี้
แคโรไลน์ คลาร์ค ประธานและรองประธานกรรมการบริหาร ฟิลิปส์ อาเซียน แปซิฟิก กล่าวว่า “เพื่อการเข้าถึงและใช้งานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี AI และเทคโนโลยีการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อบุคลากรทางการแพทย์ในการยกระดับคุณภาพการให้บริการ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความรวดเร็วในการรักษา หลังจากที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รายงานในปีนี้ แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารและบุคลากรแถวหน้าในวงการเฮลท์แคร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จัดอยู่ในกลุ่มผู้นำที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ความท้าทายที่สำคัญ คือ เนื่องจากการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการสนับสนุนจากบุคลากร การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีดิจิทัลยังต้องคำนึงถึงขีดความสามารถของบุคลากร ดังนั้น ปัญหาด้านการจัดการข้อมูล Data Silo การฝึกอบรมและให้ความรู้กับบุคลากรจึงเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วน รวมถึงการรักษาบุคลากรด้านเฮลท์แคร์เอาไว้ เพื่อบรรลุผลลัพธ์ของระบบสาธารณสุขที่ต้องการในระดับภูมิภาค
ในรายงาน Future Health Index ยังแสดงให้เห็นว่าระบบสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีการนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้ามาใช้บ้างแล้ว โดยมากกว่าหนึ่งในสี่ (ร้อยละ 27) ของโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลนั้นเริ่มใช้เทคโนโลยีดังกล่าวแล้ว ในขณะที่ร้อยละ 44 กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมในการใช้งาน ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ร้อยละ 32 และเมื่อถามถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI และการนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้ามาใช้ในส่วนใดที่มีประโยชน์สูงสุด ร้อยละ 91 บอกว่าใช้ในด้านคลินิก ในขณะที่ผู้บริหารและบุคลากรแถวหน้าในวงการเฮลท์แคร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีระดับความเชื่อมั่นถึงร้อยละ 87 (เทียบกับทั่วโลกร้อยละ 71) ในการใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้าเชิงคลินิก และยังเห็นว่าเทคโนโลยีการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้ามีประโยชน์ต่อการบริการผู้ป่วยถึงร้อยละ 87 ผลลัพธ์ด้านสุขภาพร้อยละ 84 และมีผลที่ดีต่อประสบการณ์ของบุคลากรทางการแพทย์ร้อยละ 82

ปัญหาการจัดการด้านข้อมูล Data Silo ปัญหาด้านบุคลากร และอุปสรรคอื่น ๆ ต่อการนำข้อมูลสารสนเทศไปใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ยังเห็นได้ชัดว่าการใช้ข้อมูล เทคโนโลยี AI และเทคโนโลยีการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า ยังต้องมีการพัฒนาอีกมาก ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่อนาคตของวงการเฮลท์แคร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานด้านคลินิก โดยร้อยละ 41 ของผู้บริหารและบุคลากรแถวหน้าในวงการเฮลท์แคร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการแชร์ข้อมูลกับองค์กรภายนอก ในขณะที่ร้อยละ 40 ใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์แนวโน้ม ร้อยละ 30 รวบรวมและจัดเก็บข้อมูล และร้อยละ 28 ใช้ข้อมูลเพื่อทำงานบางอย่างแบบอัตโนมัติ