แอล ดับเบิลยู เอสฯ เปิด 3 เหตุผล คน Gen Z & Gen Y เน้น “เช่า” มากกว่า “ซื้อ”

แอล ดับเบิลยู เอสฯ เปิด 3 เหตุผล คน Gen Z & Gen Y เน้นการเช่ามากกว่าการซื้อที่อยู่อาศัย เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน ในการลงทุนที่อยู่อาศัย เพื่อปล่อยเช่าให้ได้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 4 - 9% ต่อปี ท่ามกลางภาวะการลงทุนที่ผันผวนในปัจจุบัน



นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า จากผลการศึกษาของ แอล ดับเบิลยู เอสฯ พบว่า 3 เหตุผลสำคัญ ของคน Gen Z & Gen Y ที่ให้ความสนใจในการ “เช่า” มากกว่า “ซื้อ” ที่อยู่อาศัย ได้แก่
1. “การเช่า” ตอบโจทย์ความยืดหยุ่นของชีวิต
คนรุ่นใหม่ หรือ First Jobber มีไลฟ์สไตล์ที่เน้นการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงได้สะดวกเมื่อต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโยกย้ายที่ทำงาน เปลี่ยนที่อยู่อาศัยตามทำเลที่เดินทางสะดวก การค้นหาประสบการณ์ชีวิตในย่านต่างๆ จากเหตุผลการใช้ชีวิตข้างต้น การซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดภาระทางการเงินระยะยาว ไม่สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิต
จากการสำรวจของ แอล ดับเบิลยู เอสฯ พบว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่มีสัดส่วนเช่ามากถึง 66% โดยเป็นผู้หญิงกว่า 60% มีสถานะโสด และมีกำลังจ่ายค่าเช่าเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 5000 - 10000 บาท โดยปัจจัยในการเลือกเช่าจะอยู่ที่ความสะดวกสบายในการเดินทาง ราคาค่าเช่าที่ไม่สูงเกินไป มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์กับรูปแบบการใช้ชีวิต และมีที่จอดรถทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์
2. ความไม่แน่นอน และความผันผวนของเศรษฐกิจไทย
ภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ที่กระทบกับความสามารถในการสร้างรายได้ในระยะยาว เป็นปัจจัยที่ทำให้ คนใน Gen Z และ Gen Y ที่มีรายได้ไม่แน่นอน หรือไม่มั่นใจความสามารถในการสร้างรายได้ในอนาคต ไม่มีความพร้อมในการที่จะสร้างภาระหนี้ระยะยาว การเช่าจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สถานะทางการเงินของคนกลุ่มนี้มากกว่า
3. การลงทุน&อนาคต
พฤติกรรมการบริหารจัดการการลงทุนของคน Gen Z และ Gen Y ในปัจจุบัน ได้รับแรงผลักดันจาก Content Creator หรือ Finfluencer ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการเงินและการลงทุน ทำให้มีการบริหารจัดการเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย ทั้งหุ้น พันธบัตร กองทุนรวม คริปโตเคอเรนซี การลงทุนในทอง เป็นต้น จากทางเลือกที่หลากหลาย ทำให้คนในรุ่นนี้เลือกที่จะเก็บเงินมาใช้ในการลงทุนมากกว่าที่จะซื้อที่อยู่อาศัย ที่ต้องใช้เงินทุนสูง และ เป็นภาระหนี้ในระยะยาว

“ลงทุน เพื่อ ปล่อยเช่า” โอกาสสำหรับนักลงทุน
จากพฤติกรรมดังกล่าว นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์กับพฤติกรรมของคน Gen Z และ Gen Y ที่เป็นกำลังซื้อหลักในปัจจุบัน และในอนาคต อาทิ
- โมเดลแบบเช่าซื้อ ผ่อนก่อนเป็นเจ้าของทีหลัง เพื่อการเป็นเจ้าของในอนาคต เหมาะกับ First Jobber หรือ ผู้ที่มีรายได้ไม่มั่นคง หรือผู้ที่ไม่ต้องการมีหนี้สินระยะยาว
- โมเดลเช่าซื้อ หรือการให้เช่าแบบยืดหยุ่นในลักษณะ Package ซึ่งแต่ละ Package จะมีคอนโดในหลายๆ พื้นที่ ที่ผู้เช่าสามารถเลือกวางแผนการพักอาศัย และปรับเปลี่ยนหรือย้ายคอนโดได้ตลอดช่วงสัญญาเช่า ภายใต้อัตราค่าเช่าต่อเดือนที่เท่ากันๆ ตาม Package
- มีงานบริการรองรับสำหรับผู้เช่า ทั้งก่อน และหลังเข้าอยู่ เช่น มีบริการขนย้ายสิ่งของ ทำความสะอาด ล้างแอร์ ซ่อมแซม ฯลฯ

รวมไปถึง การพัฒนาโมเดลในการขายอาคารชุดให้กับกลุ่มนักลงทุน โดยการันตีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน จัดหาผู้เช่า เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของกลุ่มผู้มีรายได้สูง และหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก และมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น หรือหุ้นกู้ เป็นต้น
“ผมมองว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ เป็นโอกาสในการพัฒนาโมเดลธุรกิจของภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่จะสร้างรายได้ในระยะยาว รวมถึงกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอน และมีความเสี่ยงต่ำ
ถ้าเรามีเงินลงทุนซื้ออาคารชุด 1 - 2 ล้านบาท ปล่อยเช่าที่ 5000 - 10000 บาทต่อเดือน เราสามารถที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ที่ 4 - 9% ขึ้นอยู่กับต้นทุนในการซื้อที่อยู่อาศัย และราคาที่ปล่อยเช่าได้ ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากปัจจุบัน และมีความเสี่ยงที่น้อยกว่าการลงทุนในหุ้น” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
#####
