“HMC Polymers” เดินหน้าก้าวสู่ปีที่ 40 อย่างมั่นคง มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เสริมทัพผู้นำใหม่ รุกตลาดตอกย้ำความเป็นผู้นำ PP ผ่านแนวคิด “INNOVATE ENDLESS POSSIBILITIES

บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด หรือ HMC Polymers ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีน หรือ PP รายแรกและใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและชั้นแนวหน้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถลงข่าวเดินหน้าก้าวสู่ปีที่ 40 มุ่งขับเคลื่อนความมั่นคงทางธุรกิจ ควบคู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านแนวคิด “INNOVATE ENDLESS POSSIBILITIES” หรือ “นวัตกรรมสร้างสรรค์…ไม่สิ้นสุด” พร้อมเสริมทัพผู้นำใหม่ Mr.Corso Uzielli (คอร์โซ อูซีลลี่) ต่อยอดรุกตลาด เป็นฟันเฟืองสำคัญในฐานะผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพรีเมียม ในการส่งเสริมนวัตกรรมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และความยั่งยืน เผยผลประกอบการปี 2565 รายได้รวม 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโตกว่า 4% พร้อมตั้งเป้าปี 2566 กวาดรายได้ 4.5 หมื่นล้านบาท

7 กุมภาพันธ์ 2566, กรุงเทพมหานคร – สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ (TGJTA) และสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย (GJPCT) ประกาศความพร้อมจัดงาน “เทศกาลซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย Thailand Gems & Jewelry Fair 2023” ณ อิมแพคชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 22 – 26 กุมภาพันธ์ 2566 โดยเป็นงานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เพื่อสนับสนุนและสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับนานาชาติ ปัจจุบันอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และไทยยังถือเป็น "เมืองหลวงแห่งอัญมณี" สำหรับคู่ค้าทั่วโลก เป็นแหล่งการค้าที่ผู้ค้าจากทั่วโลกนึกถึงเป็นอันดับแรก จึงนำไปสู่แนวคิดการสร้าง Soft Power “พลอยไทย” ขยายความนิยมสู่นักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไปในระดับนานาชาติ
นายพรชัย พิชิตวุฒิกร รองประธานอาวุโส สายงานกลยุทธ์ นวัตกรรม และพาณิชยกิจ กล่าวเสริมว่า “หลังสายการผลิตที่ 4 ของโรงงาน PP4 ก่อสร้างแล้วเสร็จ HMC Polymers ได้วางแผนการดำเนินงานไว้ 2 เรื่องหลัก ได้แก่ หนึ่ง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยปี 2566 นี้มุ่งเน้นที่การผลิตเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) จากเทคโนโลยีชั้นนำที่เรียกว่า Spherizone เพื่อตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า ในการสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง รวมถึงสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุน และเพิ่มอัตราการผลิตให้สูงขึ้น ควบคู่กับการขยายโอกาสการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในตลาดในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สอง การขยายตลาดสู่ภูมิภาคอื่นๆ อาทิ เอเชียกลาง แอฟริกา อเมริกาใต้ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก PP เกรดพิเศษ (Specialty) ของ HMC Polymers และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทฯ และเศรษฐกิจของไทยในฐานะผู้นำคู่แข่งแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ HMC Polymers ยังให้ความสำคัญกับการนำหลัก ESG (Environment, Social and Governance) ของสากลมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานและการบริหารความยั่งยืน (Sustainability Management) ซึ่งแบ่งเป็น 3 เสาหลัก ได้แก่ 1.Carbon Neutrality : อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2.Connectivity : การสร้างความสมดุลของชุมชนและสังคม ผ่านการดำเนินโครงการต่าง ๆ และ 3.Circularity เน้นการลดการใช้ทรัพยากรใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาเม็ดพลาสติก PCR หรือ Post-Consumer Recycled กล่าวคือ การนําพลาสติก PP ที่ผ่านการใช้งานโดยผู้บริโภคแล้ว มาผ่านกระบวนการทําความสะอาด ปรับปรุงคุณสมบัติ ด้วยเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม ให้สามารถนํากลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง รวมถึงการทดลองจัดทำโครงการ PP Reborn อันเป็น Waste Management Platform ของบริษัทฯ เพื่อกระตุ้นภาคสังคมให้เห็นความสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียนในวงกว้างด้วย”
นางสาวอังคณี สุนทรสวัสดิ์ รองประธาน สายการเงิน บัญชีและงานสนับสนุนองค์กร ได้กล่าว ปิดท้ายงานแถลงข่าวถึงภาพรวมและแผนกลยุทธ์การเงินของ HMC Polymers ว่า “แม้การเติบโต ของเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2565 จะชะลอตัวจากภาวะสงครามระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียและยูเครน รวมถึงนโยบาย Zero-Covid ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบกับการมีโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PP ใหม่ ๆ เกิดขึ้นหลายแห่ง แต่จากนโยบายการดำเนินงานด้วยความเป็นเลิศ (Operational Excellence) ทำให้ปีที่แล้ว HMC Polymers มีรายได้รวม 3.2 หมื่นล้านบาทหรือเติบโตกว่า 4% โดยมีสัดส่วนการขายสินค้าเกรดพิเศษ SPDP (Specialty-Differentiated) กว่า 50% ของยอดขายและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกสู่ตลาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 10 ต่อปี ภาพรวมฐานะการเงินมีความแข็งแกร่ง ด้วยสัดส่วนของทุนที่สูง และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ 0.7 เท่า มีสินทรัพย์รวม ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท กระแสเงินสดมีสภาพคล่องในระดับเพียงพอ และจากฐานะทางการเงิน ที่แข่งแกร่งนี้ ส่งผลให้ HMC Polymers ได้รับการจัดอันดับเครดิต Rating โดย Fitch Rating Agency อยู่ในระดับ A-”
HMC Polymers กับการก้าวสู่ปีที่ 40 ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่การนำไปใช้งานที่หลากหลาย พร้อมตอบโจทย์และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค บนพื้นฐานของความการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นหลัก เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ทุกชีวิตในสังคม