เซ็นทรัล รีเทล ท็อปฟอร์มปี 2565 กวาดรายได้ 236,245 ล้านบาท โต 21% กำไรสุทธิ 7,605 ล้านบาท โต 2,648% พร้อมเสนอจ่ายปันผล 0.48 บาทต่อหุ้น

กรุงเทพฯ 28 กุมภาพันธ์ 2566 – นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล ได้ดำเนินธุรกิจตามยุทธศาสตร์ CRC Retailligence และสามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด โชว์ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2565 ด้วยรายได้รวมอยู่ที่ 65,147 ล้านบาท ( 11% YoY) EBITDA 9,497 ล้านบาท ( 18% YoY) และกำไรสุทธิ 3,417 ล้านบาท ( 39% YoY) ส่งผลให้ตัวเลขผลประกอบการปิดปี 2565 เติบโตเกินเป้าที่วางไว้ โดยสามารถกวาดรายได้รวมทั้งสิ้น 236,245 ล้านบาท ( 21% YoY) EBITDA 30,049 ล้านบาท ( 50% YoY) และกำไรสุทธิ 7,605 ล้านบาท ( 2,648% YoY) ทั้งนี้เซ็นทรัล รีเทล ยังพร้อมเสนอจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น 0.48 บาทต่อหุ้น โดยจะมีการอนุมัติอีกครั้งในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี (AGM)”
สำหรับความสำเร็จของเซ็นทรัล รีเทล มาจากความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจในเครือที่สร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น ทั้งกลุ่มแฟชั่นที่พลิกโฉมประสบการณ์ใหม่ “New Omni Fashion” ด้วย Total Solution ครบวงจร และกลับมาโตแข็งแรงยิ่งกว่าเดิม ส่วนกลุ่มฮาร์ดไลน์ ไทวัสดุขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 2 อย่างเต็มรูปแบบด้วยจำนวนสาขารวม 70 สาขา ใน 42 จังหวัดทั่วไทย ท็อปส์ เบอร์ 1 ฟู้ดรีเทลเมืองไทย
ชูคอนเซปต์ใหม่ “Every Day Discovery” พร้อมเดินหน้าขยายสาขาอีก 15 สาขา รวมถึงศูนย์การค้า
โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ที่ยังมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จนได้ชื่อว่าเป็นเบอร์ 1 ศูนย์การค้า Lifestyle and Experiential Community ที่มีสาขาครอบคลุมจังหวัดมากที่สุดในไทย นอกจากนี้เซ็นทรัล รีเทล ยังสร้างฐานการเงินที่แข็งแกร่ง บนกลยุทธ์ 3C คือ Cost บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด, Capex เน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดใน Strategic Business และ Cash Flow ขยายขีดความสามารถในการจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้มีความคล่องตัว และเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้น ทำให้ธุรกิจมีความ Fit & Firm และสามารถสร้างผลประกอบการกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็วเกินคาด โดยสามารถแบ่งสัดส่วนยอดขายตามกลุ่มธุรกิจในปี 2565 ออกเป็น กลุ่มฟู้ด 40% กลุ่มฮาร์ดไลน์ 34% และกลุ่มแฟชั่น 26% และแบ่งตามประเทศเป็น ประเทศไทย เวียดนาม 24% และอิตาลี 7% นอกจากนี้ยอดขายบนแพลตฟอร์มออมนิแชแนลยังเติบโตขึ้นถึง 15% จากปีก่อน และมีสัดส่วนยอดขายจากแพลตฟอร์มนี้เป็น 18% ของยอดขายทั้งหมด และมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเซ็นทรัล รีเทล ยังได้สร้างความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ (Strategic Success) ด้วยการ Spin-off บมจ.เมพ คอร์ปอเรชั่น (MEB) ซึ่งเป็นบริษัทฯ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้สำเร็จ ด้วยมูลค่า Market Cap ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ 12,075 ล้านบาท ขึ้นแท่นหุ้น Market cap สูงสุดอันดับ 2 ของตลาด mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (Service)
