สสส. จัดเสวนาชูพื้นที่สุขภาวะ “ทุกคนต้องเข้าถึงง่าย” ห่างไกลจากกลุ่มโรค NCDs

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จับมือภาคีด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกายของประเทศไทย ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเวทีเสวนาการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย “PA Forum : EP.1 - Active Environment for All ขับเคลื่อนแนวคิดพื้นที่สุขภาวะที่ทุกคนมีส่วนร่วม

นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า วันนี้พฤติกรรมเนือยนิ่งแผ่กระจายไปทั่ว เหตุเกิดเพราะสังคมก้มหน้า ไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น หรือคนแก่ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หลักฐานเชิงประจักษ์ 15 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตและเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการสวนหัวใจเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ขณะที่ผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองเองก็เพิ่มถึง 3 เท่า สิ่งที่ สสส. ดำเนินการก็คือการเชื่อมโยงความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ประชาสังคม และประชาชน โดยข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่ากลุ่มโรค NCDs ซึ่งเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค และไม่แพร่กระจายจากคนสู่คน แต่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตนั้น เป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในประเทศไทย (ตั้งแต่อายุ 30-70 ปี) สูงถึงร้อยละ 74 สสส. จึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในแง่การลดความเสี่ยงของการเกิดโรค สอดคล้องกับแนวทาง SDGs ของสหประชาชาติ ที่ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมให้กับประชากรทุกกลุ่มในการมีกิจกรรมทางกาย
“ที่ผ่านมาคนหาเช้ากินค่ำอาจจะไม่เคยได้รับรู้ถึงเรื่องพื้นที่สุขภาวะและการดูแลสุขภาพด้วยการขยับร่างกาย นี่จึงถือเป็นเรื่องท้าทาย เราต้องสานเชิงนโยบายให้มากขึ้น เชื่อมโยงองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน อาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่นมาร่วมในการจัดการ และใช้พลังของทุกภาคส่วนเพื่อเร่งให้เกิดการขยายพื้นที่สุขภาวะให้เร็วขึ้น พร้อมกับเรียนรู้ไปด้วยกัน สสส.ต้องพึ่งพาทุกภาคส่วนที่จะมาเชื่อมโยงสอดประสานเพื่อร่วมสร้างสรรค์พื้นที่สุขภาวะเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ไขพฤติกรรมเนือยนิ่ง”

ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. กล่าวต่อว่า ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) ได้ทำการสำรวจพบว่ากรุงเทพฯ มีระยะทางเฉลี่ยในการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวที่ใกล้ที่สุดประมาณ 4.5 กิโลเมตร โดยต้องใช้เวลาถึง 60 นาที การจะทำให้พื้นที่สุขภาวะกระจายตัวให้ทั่วถึงประชากรทุกระดับ สสส.จึงทำหน้าที่ในการเชื่อมประสานเครือข่ายเพื่อพัฒนากระบวนการความร่วมมือ พัฒนาองค์ความรู้และการจัดการพื้นที่ พร้อมทั้งผลักดันนโยบายในระดับ ประเทศ
“กทม.เองก็มีแนวนโยบายสวน 15 นาที ทำสวนให้คนเข้าถึงได้ง่ายและทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของชุมชนไปในตัว นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็นซึ่งจะทำให้คนทุกระดับสามารถเข้าถึงได้ง่าย นอกเหนือจากการสร้างสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สสส. และภาคีเครือข่ายร่วมกันพัฒนาและผลักดันให้เกิดพื้นที่สุขภาวะในระยะที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสวนขนาดเล็ก (Pocket Park) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ในระยะ 400-800 เมตร ใช้เวลาในการเดินทางเข้าถึงไม่เกิน 15 นาที เพื่อจูงใจและกระตุ้นให้คนไทยลุกขึ้นมาขยับร่างกายให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้คนไทยหลุดพ้นจากการเป็นโรคในกลุ่มโรค NCDs และลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทั้งยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพจิตของประชากรเมือง ส่งเสริมระบบนิเวศน์เมือง ส่งเสริมการเรียนรู้ และความสัมพันธ์ทางสังคม และส่งเสริมเศรษฐกิจของย่านไปพร้อมกัน”

