เมื่อ : 07 ก.พ. 2567
ศูนย์รักษ์พุง โรงพยาบาลจุฬาฯ สภากาชาดไทย ชวนคนไทยเดิน-วิ่ง ร้อยโลรวมใจต้านภัยโรคอ้วน สร้างการรับรู้โรคอ้วนป้องกันและรักษาได้ หวังช่วยลดปัญหาสาธารณสุขระดับประเทศ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘โรคอ้วน’ เป็นภัยคุกคามทางสุขภาพระดับโลกและประเทศไทยก็เช่นกัน โดยแนวโน้มได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก (WHO) มีรายงานว่า ในปีพ.ศ. 2559 ความชุกของปัญหาน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในผู้ใหญ่เท่ากับ 39% หรือมากกว่า 1.9 พันล้านคน ซึ่งสอดคล้องกับประเทศไทยที่พบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนมากกว่า 1 ใน 3 และคนไทยยังมีภาวะโรคอ้วนสูงเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย จากประเทศอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศอาเซียน ที่สำคัญโรคอ้วนยังเป็นสาเหตุให้เจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวันอันควรจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Diseases : NCDs) อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคหัวใจ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และภาวะหายใจลำบากและหยุดหายใจขณะหลับ ฯลฯ และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น

 

ศ.นพ.สุเทพ อุดมแสวงทรัพย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 25 กก.

 /ตร.ม. และผู้ป่วยโรคอ้วน มีค่า BMIมากกว่า 30 กก.ตร.ม. สามารถรักษาได้ 

 

โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การใช้ยาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยภายใต้การดูแลของแพทย์ อีกทั้งการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ซึ่งมีแนวทางการรักษาที่หลายหลายมากขึ้นในปัจจุบัน หากปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่ได้ผล แพทย์จะพิจารณาการใช้ยาร่วมด้วย 

 

ซึ่งปัจจุบันเรามีนวัตกรรมยามากขึ้นสำหรับการรักษาโรคอ้วนที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยและได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เช่น ยาในกลุ่ม GLP-1 analogues ในรูปแบบปากกาฉีดที่สามารถใช้ในการลดน้ำหนักในผู้ป่วยโรคอ้วนได้ ขณะที่ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีค่า BMI ตั้งแต่ 32.5 กก./ตร.ม. และมีโรคร่วมที่เป็นภาวะแทรกซ้อน หรือผู้ป่วยที่มีค่า BMI มากกว่า 37.5 กก./ตร.ม. แพทย์อาจต้องพิจารณาการผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนัก ได้แก่ 1. การผ่าตัดลดกระเพาะอาหาร และ 2. การผ่าตัดบายพาส โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินร่วมกับแพทย์สาขาที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงภาวะโรคอ้วนและโรคต่างๆ ของผู้ป่วยเป็นสำคัญ” 

 

ผู้สนใจติดตามข่าวสารศูนย์รักษ์พุง ได้ที่ https://www.facebook.com/ChulaBMI?mibextid=ZbWKwL หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 256 4000 ต่อ 71205 ทุกวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 8.30 - 15.30 น. (ยกเว้นวันหยุดราชการ)

 

                              # # # #

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ