เมื่อ : 04 พ.ค. 2567
ใครว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องความท้าทาย แก้ได้แค่มี “GREAT” 5 รหัสดีเอ็นเอ  ที่พร้อมพาทุกธุรกิจเติบโต พร้อมคุณสมบัติต้องมีจากผู้เชี่ยวชาญ CMMU

ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าแทบจะทุกธุรกิจต่างมุ่งเป้าหมายเดียวกันคือ “ความยั่งยืน” พูดง่าย ๆ ว่าหากใครที่ไม่ได้ดำเนินตามแนวทางนี้อาจทำให้หลุดจากกระแส รวมถึงเส้นทางที่จะนำไปสู่การเติบโตเป็นไปอย่างยากลำบากขึ้น และการเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค ตลาด สังคมที่อาจถูกลดทอนลงไปด้วยเช่นเดียวกัน โดยเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าทุกวันนี้หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มหันมามองภาพและกลยุทธ์ที่จะใช้ร่วมกันคือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และกรอบแนวคิด ESG ที่มุ่งการพัฒนาที่สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) มีความรับผิดชอบต่อสังคม ดูแลสังคมรอบข้าง (Social) และดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ หรือมีธรรมาภิบาล(Governance) แต่อย่างไรก็ตามการจะขับเคลื่อนธุรกิจไปในแนวทางนี้ก็อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่าย และการจะเริ่มทำอย่างจริงจังก็ยังไม่ได้มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวที่เริ่มทำได้ทันที

 

“Sustainable DNA” สิ่งต้องมีในตัวผู้ประกอบการ

รศ.ดร.ณัฐวุฒิ พิมพา ประธานหลักสูตร Managing For Sustainability (หลักสูตรนานาชาติ) วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ปัจจุบันนี้ ภาคธุรกิจต่างตื่นตัว ปรับตัว และยกระดับคุณภาพองค์กรเพื่อตอบรับกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืน และนำแนวคิด ESG
มาเป็นนโยบายหลักขององค์กร แต่การจะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้นั้น ต้องส่งเสริมให้พนักงานซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญขององค์กรมีความรู้ความเข้าใจเรื่องความยั่งยืนของธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องปลูกฝัง Sustainable DNA หรือ DNA แห่งความยั่งยืนให้อยู่ในจิตสำนึก วิธีคิด
วิธีปฏิบัติ จนกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวไปใช้ในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของพนักงานทุกคนควบคู่ไปกับการสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อม (Ecosystem) ที่เอื้อให้เกิด Sustainable DNA พร้อมชู “GREAT” 5 ทักษะที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของ Sustainble DNA ที่พนักงานจำเป็นต้องมี

 

 “GREAT” รหัสใหม่แต่ไม่ลับของ “Sustainable DNA” ที่ผู้ประกอบการทุกคนสร้างได้

Growth Mindset – เพราะโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยการแข่งขัน แค่หยุดนิ่งก็อาจเท่ากับถอยหลังผู้มี Sustainablity DNA จึงจำเป็นต้องมี Growth Mindset ซึ่งก็คือแนวคิดที่เชื่อว่าเราทุกคนต่างมีศักยภาพในตนเองและเชื่อว่าทักษะ ความรู้ ความสามารถของตนเองนั้นสามารถพัฒนาได้อย่างไม่สิ้นสุดหากตั้งใจใฝ่เรียนรู้ และพยายามฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการมีทัศนคติที่ดีและคิดบวกตลอดเวลา มองการณ์ไกล กล้าเผชิญปัญหา มองอุปสรรคเป็นความท้าทาย มองความผิดพลาดเป็นบทเรียน ไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเติบโตและก้าวไปข้างหน้า เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีกว่า และเชื่อมั่นว่าหนทางข้างหน้าต้องดีกว่าเดิม

 

Responsibility – หมดยุคที่ธุรกิจจะมุ่งแสดงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้มี Sustainablity DNA จึงจำเป็นต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบที่ควรมีทั้งต่อลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม และทำด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำตามกระแส ฉาบฉวย หรือแค่สร้างภาพลักษณ์ ความรับผิดชอบต่อลูกค้า เช่น พร้อมดูแล ให้คำปรึกษา ช่วยแก้ปัญหา และยินดีรับข้อเสนอแนะหรือข้อร้องเรียนต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์และความพึงพอใจสูงสุดจากการใช้สินค้าและบริการ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะทำอะไรต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคมรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก และพร้อมที่จะหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจก่อให้เกิดกระทบนั้นๆ หรือหากเลี่ยงไม่ได้ก็พยายามให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้นก็ไม่แก้ตัวแต่พร้อมแก้ไขให้ดีขึ้น รวมไปถึงการมีจิตอาสา มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม พร้อมร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นสาธารณประโยชน์

 

Environment Care –  ผู้มี Sustainablity DNA จำเป็นต้องมีความตระหนักรู้และเข้าใจความรุนแรงของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ และมีจิตสำนึกที่จะร่วมดูแล อนุรักษ์ และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ ก็คำนึงถึง “ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” โดยเริ่มจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ๆ ตัว ด้วยการรู้จักใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เช่น ลดการใช้พลาสติก ประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ลดการใช้พลังงาน ใช้ทรัพยากรต่างๆ เท่าที่จำเป็น เลือกใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ แยกขยะเป็นนิสัย และเลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

Adaptibility –  ในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้มี Sustainablity DNA จำเป็นต้องมีความคิดที่ยืดหยุ่น มีความเข้าใจและมีทัศนคติที่ดีต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับความเคยชินเดิมๆพร้อมเปิดใจเรียนรู้ ยอมรับสิ่งใหม่ มีความสามารถในการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา และไม่ว่าจะเจอกับวิกฤตปัญหาใดก็สามารถรับมือและเอาตัวรอดได้ในทุกๆ สถานการณ์

 

Technology Skill – และทักษะสุดท้ายที่ผู้มี Sustainability DNA จำเป็นต้องมี คือ

การมีTechnology Skill หรือทักษะในการบริหารจัดการ รู้จักวิธีการใช้ และเลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสมซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการพัฒนาในทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และเป็นพื้นฐานของการพัฒนาในโลกอนาคต

 

CMMU ร่วมสร้างบุคลากรที่มี Sustainable DNA ให้กับสังคม
 

รศ.ดร. ณัฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า CMMU ในฐานะภาคการศึกษาจึงมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะปูรากฐานด้านความยั่งยืนและผลักดันการบริหารธุรกิจย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG ด้วยการสร้างบุคลากรที่มี Sustainable DNA ให้กับสังคม เพื่อเป็นฟันเฟืองในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ภาคธุรกิจไทยก้าวข้ามทุกอุปสรรคปัญหา พิชิตความท้าทาย ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้ และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน CMMU จึงได้บรรจุสาขา Managing For Sustainability (MFS) ไว้หลักสูตรนานาชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนจากทั่วโลกสามารถเรียนได้โดยไร้ข้อจำกัดทางภาษา โดยมีโครงสร้างหลักของหลักสูตรที่ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างครบวงจร

 

คือ 1. Sustainable Leadership in Action การสร้างความเป็นผู้นำ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการกระตุ้น ปลูกฝัง และเป็นแบบอย่างให้บุคลากรในองค์กรหันมาสนใจเรื่องความยั่งยืน 2. Sustainability Strategy การวางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน รวมไปถึงการใช้เครื่องมือทางธุรกิจและการเงินเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดกรอบทิศทางการพัฒนาองค์กร และ 3. Sustainable Logistics and Supply Chain Management การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

 “เราตั้งใจออกแบบหลักสูตรที่ไม่ใช่แค่เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ แต่ยังอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เราเน้นการสอนที่ไม่ใช่มุ่งสร้างแต่คนเก่ง แต่ยังมุ่งปลูกฝังให้ทุกคนมี Sustainable DNA ที่มีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งวิธีการคิดและการปฏิบัติ มีความพร้อมปรับตัว
รับการเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน

 

นอกจากนี้ รศ.ดร. ณัฐวุฒิ ยังกล่าวเสริมอีกว่า โดยโครงสร้างของหลักสูตรที่ตอบโจทย์การพัฒนาองค์กรและธุรกิจอย่างยั่งยืนอย่างครบวงจร คือ 1. Sustainable Leadership in Action กลุ่มวิชาที่ให้ความสำคัญต่อการสร้าง mindset  สำหรับภาวะผู้นำแห่งความยั่งยืนในบริบทโลกยุคใหม่ ที่เข้าใจ และ ประยุกต์แนวคิดธุรกิจยั่งยืนได้ รวมทั้งเป็นบุคคลต้นแบบแห่งความยั่งยืนสำหรับบุคลากรอื่นๆในองค์กร 2. Sustainability Strategy กลุ่มงวิชาที่เน้น skillset เพื่อออกแบบและพัฒนากลยุทธ์ด้านความยั่งยืน เช่น นโยบายด้านคาร์บอน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือ การตรวจทานประเด็นสิทธิมนุษยชน และ แรงงาน นอกจากนี้ในกลุ่มวิชานี้จะรวมถึงการใช้เครื่องมือทางธุรกิจและการเงินเพื่อจัดการประเด็นความยั่งยืน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดกรอบทิศทางการพัฒนาองค์กร และ 3. Sustainable Logistics and Supply Chain Management  กลุ่มวิชาที่เน้นแนวทางการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่นำไปสู่การประหยัดพลังงานและต้นทุน การสร้างประสิทธิภาพ และ การนำกรอบ GRI and SDGs มาใช้ในการพัฒนากระบวนการแห่งความยั่งยืน

 

ไม่เพียงเท่านั้น CMMU ยังมีการนำประเด็นด้านความยั่งยืนสอดแทรกเข้าไปในทุกหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนทุกคนสามารถนำศาสตร์ด้านความยั่งยืนไปประยุกต์ใช้กับสาขาวิชาที่เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกลายเป็นนักบริหารที่ใส่ใจปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมบริหารธุรกิจ
ไปสู่ความยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจ ซีเอ็มเอ็มยู เปิดสอนหลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิต ครอบคลุมทุกด้านของการจัดการธุรกิจ ทั้งหลักสูตรไทย หลักสูตรนานาชาติ และหลักสูตรออนไลน์ นานาชาติ โดยทุกหลักสูตรได้รับการรับรองมาตรฐานจาก AACSB ซึ่งมีมหาวิทยาลัยเพียง 5% ของโลกที่ได้รับการรับรองนี้ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) โทรศัพท์ 02-206-2000 หรือเพจเฟซบุ๊ก CMMU Mahidol (https://www.facebook.com/CMMUMAHIDOL)

                          #####

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ